ใครมีคำถาม-ที่นี่มีคำตอบ

Q1. ไม่มีทุนมากค่ะ เราสามารถแบ่งจ่ายได้รึเปล่าคะ

A1. แน่นอนครับ แต่ว่าเฉพาะ คอร์สเรียนหลัก เช่น Diploma หรือ Certificate เท่านั้นนะครับ แต่คอร์สภาษาอังกฤษ จะต้องจ่ายเต็ม ยกเว้นแต่ว่าน้องอยู่ที่ออสแล้ว บางสถาบันอาจจะขอแบ่งจ่ายเป็นเดิอน หรือ เทอมได้

Q2. ถ้าไปเรียน และทำงาน ที่ออสเตรเลีย อังกฤษ และ อเมริกา มันแตกต่างกันยังไงคะ

A2. มันเป็นเหมือนคนละเรื่องกันเลยนะครับ อย่างแรก

ที่อเมริกา การไปทำงานในคราบนักเรียนมันผิดกฏหมายนะครับ (ถึงมีเด็กไทยทำกันมากมายก็เถอะ) อันนี้่ต้องขยายความนิดึงว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องผิดกฏหมายอย่างเดียว แต่ว่ามันยังทำให้เราหางานยากอีกด้วย เพราะว่าเราสามารถทำงานได้แต่ที่เจ้าของร้านเป็นคนไทย แล้วบางทีต้องมีคนแนะนำไปด้วยเค้าถึงจะกล้ารับ

ที่อังกฤษ นักเรียนส่วนใหญ่จะไปเรียนปริญญาโทกัน แบบจริงจัง เพราะเรียนยากมาก จึงไม่แนะนำสำหรับคนที่ต้องการไปเรียน และทำงาน อีกอย่างคนที่ไปเรียนภาษาอย่างเดียวก็ไม่ได้สามารถทำงานได้ (UK visa ที่ทำงานได้ต้องเป็น Tier 4 เท่านั้น ซึ่งหมายถึง ระดับ ปริญญา)

Q3. ไปทำงานที่ออสเตรเลียถูกกฏหมายรึเปล่า

A3. ที่อเมริกา ผิดกฏหมายครับ (แต่ก็มีคนที่แอบทำเยอะอยู่) คือถ้าไม่โดนจับได้ก็ไม่มีเรื่องครับ แต่ว่าถ้าโดนจับขึ้นมาก็กลับไทยเลยทันที แล้วมีจะมีปัญหาเวลาจะกลับไปอีกทีในภายหน้า

ที่ UK, Student VISA สามารถทำงานได้ แต่นักเรียนจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ UK จะไม่ได้ Student Visa นะครับ จะได้เป็น Student tourist visa ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ครับ Student Visa จะออกให้กับนักเรียนที่ลงเรียนคอร์สหลัก เช่น ปริญญาต่างๆ

สำหรับปัญหานี้ Australia น่าจะดีที่สุดครับ คือ Student Visa สามารถจะทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ และถึงเราจะเรียนแค่คอร์สภาษาอังกฤษก็สามารถขอ Student Visa ได้เช่นกัน เลยสามารถทำงานได้อย่างสบายใจครับ และที่พี่ชอบที่สุดเลยคือเราสามารถสมัครงานได้หลายอย่าง (เค้ารับไม่รับว่ากันอีกที) ซึ่งงานอื่นๆที่ว่านี้ส่วนใหญ่จะจ่ายดีกว่างานในร้านอาหารไทยทั้งสิ้น

Q4.  ที่ออสเตรเลียมีงานประเภทไหนที่นักเรียนนิยมทำกัน แล้วได้เงินเท่าไหร่

A4. งานที่ออสเตรเลียก็มีหลากหลายนะครับ เพราะว่ามันถูกกฏหมายดังนั้นเราสามารถสมัครทำงาน Part-time ในบริษัทขอออสเตรเลียได้ ส่วนประเภทของงานที่นักเรียนนิยมทำกันเยอะๆ ก็ตามนี้เลยครับ

• พนักงานเสริฟ และ Kitchen Hand ซึ่งก็จะได้ไม่เท่ากันแล้วแต่ร้าน อย่างร้านอาหารไทย จะได้ประมาณ 60 เหรียญต่อวัน ถ้าเป็นร้าน ญี่ปุ่นก็จะได้ประมาณ 17 เหรียญต่อชั่วโมง
• งานทำความสะอาด (Cleaner) ตามโรงแรม, Service Apartment และที่สาธรณะต่างๆ ซึ่งค่าจ้างจะอยู่ที่ประมาณ 17-25 เหรียญ ต่อ ชั่วโมง
• พนักงานใน Food Court ส่วนใหญ่จะเป็นคนตักอาหาร หรือว่า Cashier ซึ่งจะได้ประมาณ 12-17 เหรียญ
• พนักงานส่งหนังสือพิมพ์ หรือ หนังสือแจกฟรี (Free Copy Mag) โดยมากจะขึ้นอยู่กับจำนวนครับ บางที่เค้าจะให้แผนที่มา แล้วเราก็ต้องไปใส่ไว้ในตู้รับจดหมาย ซึ่ง จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายอย่างเช่น ระยะทาง, จำนวน และอื่นๆ
• พนักงานขายตาม ร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ อันนี้แล้วแต่เลยครับ เคยเจอแบบ 7 เหรียญต่อชั่วโมง มากไปจนถึง 18 เหรียญต่อชั่วโมงเลย
• พนักงานนวดไทย อันนี้ฮิตมากๆ โดยมากร้านจะจ่ายให้ตามหัวที่เรานวดครับ จะมากจะน้อยก็ขึ้นกับว่าร้านของเราเค้าตั้งราคาไว้แค่ไหน (สัดส่วนขึ้นอยู่กับความเขี้ยวของเจ้าของร้าน) ข้อดีก็คือมันจะมีเงินค่ามาร้านให้ คือว่าไม่กลับบ้านมือเปล่าแน่นอน

Q5.ค่าใช้จ่ายในการไปเรียน

A5. ค่าใช้จ่ายในการเรียนจะขึ้นอยู่กับ คอร์สที่เราลงกับระยะเวลาครับ นอกจากค่าเรียน (Tuition fee) แล้วเรายังต้องจ่ายอย่างอื่นด้วย เช่นค่า Material (ค่าหนังสือ และอุปกรณ์การเรียน) ค่าที่พัก ค่ารถรับจากสนามบิน ค่าทำVisa

         คำตอบง่ายมากเลยครับคือถ้าเราไปด้วย Student Visa ก็ไม่ได้ครับ ถ้าเราลงเรียนไว้แต่ไม่ไปเรียนรับรองได้ว่าเดียวมีปัญหาแน่ ในVISAนักเรียนจะมีเงื่อนไขอยู่ว่าจะต้องไปเรียนมากกว่า 80%ของเวลาเรียนทั้งหมด ถ้าเราขาดเรียนมากๆ ทางโรงเรียนจะแจ้งให้ Immigration ทราบ แล้วเค้าก็จะ ยกเลิก Visaของเรา พอโดนจับได้ก็โดนส่งกลับ แล้วติด Backlist เลย พี่เคยมีน้องคนนึงเค้า Visa โดนตัด แล้วกลับมาเที่ยวประเทศไทย พอจะกลับเข้าออสเตรเลียอีกที เข้าไม่ได้แล้ว โดนส่งกลับเลย เพราะก่อนกลับเค้าไม่เข้าเรียน และทางโรงเรียนแจ้งให้ Immigration ทราบ

มีอีกวิธีนึงครับถ้าอยากจะไปทำงานอย่างเดียวคือการขอ Working VISA ซึ่งจะมีข้อกำหนด และเงื่อนไขมากมาย และยากกว่าเยอะ

Q6.  ต้องไปนานแค่ไหนถึงจะคุ้ม

A6. คำถามนี้ขึ้นอยู๋กับความขยันของแต่ละคนครับ แล้วก็จุดมุ่งหมายของแต่ละคนด้วย แต่ว่าถ้าคิดว่าจะไปเรียน และทำงานกันอย่างจริงจัง พี่แนะนำว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็น 1 ปี ครับ ครึ่งปีแรกเรียนภาษา แล้วอีกครึ่งปีก็เรียนวิชาชีพ เช่น Certificate IV in Business  ที่แนะนำให้อยุ่อย่างน้อย 1 ปี เพราะว่า ช่วง 6 เดือนแรกเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ 5 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นเราจะไม่มีเวลาทำงานน้อย แต่ว่าช่วงครึ่ง หลังจะเรียนสายวิชาชีพซึ่งอาจจะเรียนแค่ 2-5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เรามีเวลาทำงานมากขึ้น

Q7. อยากได้ภาษาดีๆ แนะนำว่าต้องไปนานแค่ไหน

A7. พี่ว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าว่าเราไปนานแค่ไหนคือเราใช้ชีวิตยังไงมากกว่า นักเรียนไทยบางคนไปอยู่ตั้งนาน แต่ว่ายังไม่ค่อยได้ภาษาก็มี แบบเรียนบ้าง ไม่เรียนบ้าง คุยแต่กับเพื่อนคนไทย กลับบ้านมาก็ดู ละครไทย พี่ว่า 2 ปีก็ไม่เวอร์

แต่สำหรับน้องๆที่ตั้งใจไปเอาภาษาเลย พี่แนะนำว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีสัก 9 เดือน ถึง 1 ปี โดยเรียนภาษาตลอดเลยไม่ต้องเรียนสายวิชาชีพ ช่วง 3 เดือนแรกเราจะเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ภาษาอังกฤษ หลังจาก 6 เดือนผ่านไปเราจะพบว่าภาษาเราดีขึ้นมามากเลยทีเดียว แต่ว่ามันจะยังไม่ค่อยคงที่ คือบางทีก็พูดได้คล่อง บางทีก็ติดขัด จากเดือนที่ 6-9 หรือ 12 จะเป็นช่วงที่เหมือนว่าภาษาไม่ได้ดีขึ้นมากนักแต่ว่าจะคงที่ขึ้น

Q8.  เค้าว่าที่ออสเตรเลียมีคนไทยเยอะ แล้วจะไม่ได้ภาษา

A8. จริงครับว่าที่ Australia มีคนไทยอยู่มาก แต่ว่าถึงคนไทยจะเยอะ แต่มันก็ไม่เกิน 2 % ของคนทั้งหมดในออสเตรเลียหรอกครับ พี่ว่าที่สำคัญคือกลุ่มเพื่อนที่เราคบอยู่ต่างหาก ถ้าในกลุ่มเรามีเพื่อนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่เท่านี้ก็จบ ไม่เห็นต้องแคร์เลยว่าบนท้องถนนจะมีคนไทยอยู่กี่คน เพราะยังไงเราก็ไม่ได้รู้จักกับเค้าอยู่ดี บางทียังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเป็นคนไทย แต่เพื่อนที่ แชร์บ้าน ไปเที่ยว กินข้าว และอื่นๆ อยู่ด้วยกันนี้แหละครับสำคัญ เพราะเราต้องคุยกับเค้าอยู่ทุกวัน

Q9.  นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาติอะไร

A9. มีผสมกันครับ แต่ที่เห็นเยอะๆก็คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และคน อเมริกาไต้

Q10.  หาเพื่อนยังไง

A10. เพื่อนออสเตรเลียของพี่ส่วนใหญ่ได้มาจากการทำงาน ปาร์ตี้ ไปเที่ยว และถ้าใครเรียนในสถาบันของรัฐบาลก็จะได้เจอตามชั้นเรียน และตอนทำรายงานกลุ่มครับ อีกส่วนก็เป็นเพื่อนของเพื่อน

ถ้าน้องๆคนใหนมีคำถามอะไรก็เขียนมาได้ใน Comment ด้านล่างเลยครับ